26 มีนาคม 2555

ความรับผิดชอบ/รับผิด/รับชอบ

           สำคัญที่สุด ต้องเข้าใจความหมายของคำว่า “ความรับผิดชอบ” ให้ถูกต้อง ขอให้เข้าใจว่า “รับผิด” ไม่ใช่การรับโทษหรือถูกลงโทษ “รับชอบ” ไม่ใช่รางวัลหรือรับคำชมเชย การรู้จักรับผิด หรือยอมรับว่า อะไรผิดพลาดเสียหาย และเสียหายเพราะอะไร เพียงใดนั้น มีประโยชน์ ทำให้บุคคลรู้จักพิจารณาตนเอง ยอมรับความผิดของตนเองโดยใจจริง เป็นทางที่จะช่วยแก้ไขความผิดได้ และให้รู้ว่าจะต้องปฏิบัติแก้ไขใหม่ ส่วนการรู้จักรับชอบหรือรู้ว่าอะไรถูก อันได้แก่ถูกตามความมุ่งหมาย ถูกตามหลักวิชา ถูกตามวิธีการนั้น มีประโยชน์ทำให้ทราบแจ้งว่า จะทำให้งานเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไร จักได้ถือปฏิบัติต่อไป .…….......... ความรับผิดชอบ คือ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทำ จะหลีกเลี่ยง ละเลยไม่ได้
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙)

17 มีนาคม 2555

ศิลปะการเริ่มต้นสนทนา


          คนเหนียมอายมักมักมีปัญหาเมื่อต้องการจะทำความรู้จักกับผู้คนอื่น คือไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี วิธีแก้คือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดหรือสถานที่ใด เมื่อคุณอยากจะทำความต้องการรู้จักพูดคุยกับใคร คุณควรส่งยิ้มใหเขาก่อน และผงกศรีษะเล็กน้อย เพื่อแสดงว่าคุณอยากเป็นมิตรกับเขา
          ถ้าคุณอยู่ในงานเลี้ยงค็อคเท็ล คุณอาจเลือกทำความรู้จักพูดคุยกับแขกบางคนที่มาในงานซึ่งดูเคว้งคว้าง และ เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนคุณ คุณอาจเริ่มต้นพูดกับเขาหรือเธอว่า “สวัสดีครับ วันนี้บรรยากาศคึกคักมากนะครับ คุณคงเป็นเพื่อนกับเจาภาพใช่ไหมครับ”  ถ้าที่บริษัทคุณมีเพื่อนร่วมงานมาใหม่คนหนึ่ง และคุณอยากจะทำความรู้จักกับเขา คุณอาจใช้เวลาว่างตอนพักเข้าปุยกับเขาว่า “สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะ คุ้นกับงานที่นี่หรือยัง”
          เคล็ดลับของการเริ่มต้นสนทนานั้น ต้องเริ่มคุยในเรื่องทั่วๆไปที่คุณกับเขา มีจุดสนใจร่วมกัน หรือชวนให้เขาคุยในเรื่องที่แวดล้อมตัวเขาอยู่ เมื่อเขาเริ่มตอบสนองการเริ่มต้นของคุณแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำต่อไป คือ จะดำเนินการสนทนานี้ต่อไปอย่างไร
จากหนังสือ ก้าวไปสู่ความเป็นคนเหนือคน เขียนโดย ซุนเทียนหลุน สุวรรณ สนเที่ยง ...แปล

การถ่อมตัว ยกย่องผู้อื่น เป็นบันไดสู่การยอมรับของสังคม


การถ่อมตัว ยกย่องผู้อื่น เป็นบันไดสู่การยอมรับของสังคม
Being humble and praising other people are a ladder to social recognition.
          การถ่อมตัวคือการยกย่องผู้อื่น การถ่อมตัวคือการไม่ยกตนข่มผู้อื่น ทั้งด้วยกาย วาจา ท่าทาง เครื่องประดับ เครื่องใช้ไม้สอย ฯลฯ การใช้ของดีเกินฐานะของตนก็แสดงถึงการไม่ถ่อมตัวเช่นกัน
          Being humble means praising other people. Being humble is not to browbeat other people, for instance, in physical action, verbal action, manners, ornament, devices, etc. Using luxurious things beyond one’s own status is also assign of not being humble.
จากหนังสือ 63 หลักคิด และปรัชญาการทำงาน บุญเกียรติ โชควัฒนา

ยับยั้งการดูถูกเหยียบย่ำจากผู้อื่น

ยับยั้งการดูถูกเหยียบย่ำจากผู้อื่น
ซุนเทียนหลุน
          ความเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในโลกต้องการการเอาใจใส่ การดูแล การรดน้ำพรวนดินและหล่อเลี้ยงอย่าทนุถนอม มันจึงจะเติบโตแข็งแรงมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้ หากคุณปล่อยให้คนอื่นเหยียบย่ำมัน มันย่อมเฉาและช้ำตายด้วยเท้าที่หยาบช้า
          คนอื่นจะเหยียบย่ำความเป็นตัวของตัวเองของคุณได้ในสภาพใด ? ตำตอบก็คือ
          1. ยามที่คุณมีจุดยืนไม่แจ่มชัด
          2. ยามที่คุณไม่ปกป้องจุดยืนของตนเอง
          ขอจงจำไว้ว่า การยับยั้งการถูกเหยียบย่ำนั้นมีหลักการอยู่ 3 ข้อ คือ
          1. คุณต้องแสดงออกอยู่เสมอว่า คุณไม่ใช่หุ่นกระบอกที่ปล่อยให้ใครต่อใครเชิดเล่นได้ตามใจชอบ อย่างปล่อยให้คนอื่นปฏิบัติต่อคุณอย่างขอไปที และคุณเองต้องมีท่าทีเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ ด้วย
          2. อย่าปล่อยให้ใครสบประมาทคุณทั้งทางวาจาและท่าที ถ้าหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นคุณควรขอให้เขาแสดงจุดยืนให้แจ่มชัด ไม่ต้องกลัวความขัดแย้ง ไม่ต้องกลัวการเผชิญหน้า เพราะความขี้ขลาดมีแต่ทำให้คุณถูกเหยียบจมธรณีจนไม่ต้องโผล่หัวขึ้นมาอีก
          3. ถ้ามีคนกล่าววาจาในลักษณะท้าทายต่อจุดยืนหรือสิ่งที่คุณพูดออกไป ขอให้คุณแสดงท่าทีปกป้องจุดยืนของตนเอง มิฉะนั้นคุณจะุถูกย่ำยีความเป็นตัวของตัวเองอีก อย่างไร้ความปราณี
          ตั้งแต่นี้ต่อไป ขอให้บอกกับตนเองและระลึกอยู่เสมอ รวมทั้งแสดงออกให้ผู้คนประจักษ์ว่า คุณไม่ใช่คนที่ยอมให้คนอื่นเหยียบย่ำรังแกอย่างน่าสมเพชอีกต่อไปแล้ว คุณได้ยืนขึ้นมาและพร่อมที่จะตอบโต้คนที่ปฏิบัติมิชอบต่อคุณ
จากหนังสือ ก้าวไปสู่ความเป็นคนเหนือคน สุวรรณา สนเที่ยง...ผู้แปล

หลักคิดและปรัชญาการทำงาน

ถ้าคิดว่าตนฉลาด
จงเอาความฉลาดไปทำบุญ
ดร.วิพันธ์ เริงพิทยา
          ถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนฉลาด เป็นคนเก่ง จงทำทุกวิถีทางที่จะใช้ความเก่งให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อองค์กร ต่อสังคมและประเทศชาติ เช่น ช่วยฝึกให้ผู้อื่นเก่งขึ้น เป็นต้น อย่าเอาแต่แสดงความฉลาดโดยไม่ได้คำนึงว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อผู้อื่น และสังคมหรือไม่
          If we think that we are smart and intelligent, try every way to use our intelligence for the benefit of other people, organizations, society, and the nation. For instance, use our intelligence in training other people to do something better. Do not demonstrate your intelligence in vain, disregarding whether or not it will be beneficial to other people or society.
จากหนังสือ 63 หลักคิด และปรัชญาการทำงาน บุญเกียรติ โชควัฒนา

ความรัก (อีกครั้ง)

ความรัก (อีกครั้ง)
กฤษณะมูรติ
          ความรักเป็นสิ่งพิเศษ ปราศจากความรัก ชีวิตย่อมว่างเปล่าแห้งแล้ง เธออาจมีทรัพย์สินมากมาย อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ แต่ถ้าปราศจากความงามและความยิ่งใหญ่ของความรัก ในไม่ช้าชีวิตจะกลายเป็นความทุกข์ทรมานและความสับสน
          ความรักบอกเป็นนัยไม่ใช่หรือว่า ผู้ที่ถูกรักจำต้องถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระโดยสิ้นเชิง เพื่อเขาจะได้เติบโตเต็มที่ เป็นตัวของเขาเอง ไม่ใช่แค่เครื่องจักรทางสังคม ความรักไม่มีการผลักดันบังคับ ไม่ว่าจะโดยเปิดเผยหรือโดยการคุกคามแบบซ่อนเร้น ในนามของหน้าที่ และความรับผิดชอบ ที่ใดก็ตาม ซึ่งมีรูปแบบของการบังคับหรือการใช้อิทธิพลผลักดันจากองค์กรอำนาจ ไม่ว่าในลักษณะไหน ที่นั่นไม่มีความรัก.
จาก..ปกหลังของหนังสือ สัจจะแห่งชีวิต

ความรัก ตามทัศนะของกฤษณะมูรติ

          ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ควรรู้จักและเข้าใจให้ดีตั้งแต่วัยหนุ่มสาวคือความรัก  ความรักเช่นนี้มิใช่การครอบครอง ไม่ใช่การตอบสนองว่าฉันรักเธอเพราะเธอรักฉันหรือฉันรักเธอเพราะฉันต้องการเธอ แต่เป็นรักที่ไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน  "แม้แต่ความรู้สึกที่ว่าเธอกำลังให้อะไรบางสิ่งอยู่ก็ไม่มี"
          "เธอรู้ไหมว่าการรักผู้อื่นนั้นหมายถึงอะไรการรักต้นไม้ นกหรือสัตว์เลี้ยงหมายถึงอะไรควรหมายถึงการเอาใจใส่เลี้ยงดูทำนุบำรุง แม้ว่ามันจะไม่ให้อะไรตอบแทนเลยก็ตาม แม้ว่ามันจะมิได้ให้ร่มเงาไม่ได้คอยติดตามไม่ได้คอยพึ่งพิงเราเลยก็ตามคนส่วนใหญ่มิได้มีความรักไปในทำนองนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจความรักในทำนองนี้ เพราะความรักของเราถูกกีดขวางอยู่ด้วยความหงุดหงิดกังวล ความอิจฉาริษยาและความกลัวซึ่งทำให้เราต้องไปพึ่งพิงผู้อื่นทางใจโดยการต้องการจะเป็นที่รักของคนอื่นเราไม่ต้องการเพียงแค่จะไปรักใครสักคนและเพียงแต่รักโดยไม่หวังผลตอบแทนแต่เรากลับต้องการเรียกร้องเอาบางสิ่งบางอย่างกลับคืน และในการเรียกร้องนั้นเองก็เท่ากับว่าเราได้พึ่งพิงขาดเสรีในตัวเองแล้ว
จากหนังสือ แด่หนุ่มสาว 

16 มีนาคม 2555

ความดี

          วันนี้อยากเขียนเรื่องความดี อันที่จริงอยากอธิบายให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเกี่ยวกับการอ้างอิง ร้องหาความยุติธรรม โดยใช้ความดีของตนเองอ้างอิงเพื่อบอกว่า การเลื่อนขั้นเงินเดือน ไม่ยุติธรรมกับเขา แต่มันเขียนยากมาก ก็เลยต้องพึงพระ โดยขอยกเอาิคำกลอน และนิทานที่พระท่านแต่งไว้ มาเขียนเอาไว้
      
          อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก        ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ                     ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ


 
ทำดีเพื่อความดี
พระพิจิตรธรรมพาที
นานมาแล้ว เมื่อตายังหนุ่มแน่นแข็งแรงและเป็นโสด ตาได้เที่ยวซอกแซก ไปตามตรอกเล็กซอยน้อยในพระนครจนทั่ว คืนวันหนึ่ง ขณะที่ตากำลังเดินอยู่ในตรอกแคบ ๆ แห่งหนึ่ง แถวรองเมือง เท้าของตาได้สะดุดเข้ากับสิ่งนั้นมีลักษณะนิ่ม ๆ คล้ายเนื้อหนังมนุษย์ ด้วยความสงสัยใคร่จะรู้ความจริง ตาจึงก้มลงพิจารณาอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็ทราบความจริงว่า สิ่งนั้น คือชายคนหนึ่งกำลังนอนสลบไสลคลุกฝุ่นอยู่กลางถนนในซอย เพราะความมึนเมา กิ่นสุราฟุ้งตลบไปหมด ตาหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าจะเดินเลยไปเสียก็คงได้อย่างสบาย แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า "ถ้าปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นั่นเขาอาจจะถูกคนอื่นเดินมาเตะถีบหรือชนเอา เพราะมองไม่เห็น เขาอาจได้รับอันตราย บางทีสัตว์ร้ายเช่นงูหรือตะขาบมันอาจจะมากันมาต่อยเอาก็ได้ ยิ่งกว่านั้น ภรรยาและบุตรของเขาที่อยู่ทางบ้านอาจจะกำลังตั้งตาคอย คิดไปคิดมาความเมตตากรุณาก็เป็นฝ่ายชนะ ตาก้มลงอุ้มชายขี้เมาคนนั้นขึ้นแบกบนบ่า แล้วก็เดินไปยังห้องแถวใกล้ ๆ ที่มีไฟสว่างวอมแวมออกมา ตาโผล่หน้าเข้าไปที่ประตูแล้ว ถามเจ้าของบ้านว่า รู้จักชายคนนี้หรือเปล่า เจ้าของบ้านหัวเราะแล้วบอกว่าชายคนนั้นคือตาแฉ่งจนทราบแน่นอนแล้ว ก็แบกเขาเดินต่อไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง หลังจากเดินล้มลุกคลุกคลานมาเป็เวลาเกือบ ๑๕ นาทีตามาถึงห้องแถวที่เป็นบ้านของตาแฉ่ง ตาวางเขาลงนอนไว้ที่พื้นซีเมนต์หน้าห้องแถวแล้วก็เอามีอเคาะที่ประตู เมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงอายุกลางคน ๆ หนึ่งก็เปิดประตูผลั๊วะออกมา นางจ้องดูหน้าของตาแล้วก็ก้มลงนอนตาแฉ่งซึ่งนอนคุดคู้แทบเท้าด้วย สายตาแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ขณะที่ตากำลังจะเอ่ยปากรายงานเรื่องราวให้นางทราบนั่นเองนางก็เองนางก็เอามือชี้หน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า "นี่เองคือคนที่พาผัวของข้าไปกินเหล้าเมาหยำเปทุกวัน ข้าจับได้แล้ว" ก่อนที่ตาจะได้อธิบายความจริงให้นางฟัง หญิงคนนั้นก็คว้าไม้คานที่วางอยู่ข้าง ๆ ฝามาประเคนลงไปบนศีรษะของตาอย่างแรงดีแต่ว่าตายกมือทั้งสองขั้นรับไว้ทัน ศีรษะจึงไม่แตกเลือดไหลโทรม ขณะที่นางเงื้อไม้คานขึ้นจะกระหน่ำตีตาอีกเป็นครั้งที่สอง ตาก็ถอยหลังออกไปพ้นรัศมีไม้คานเสียก่อน หญิงผู้ใจร้ายเงื้อไม้คานเผ่นตามจะตีตาอีก ตาจึงจำเป็นต้องวิ่งหนีเพื่อความปลอดภัย ได้ยินแต่เสียงด่าแช่งชักหักกระดูกตามมาข้างหลัง ตาออกมานั่งลูบแขนที่บวมโนเพราะฤทธิ์ไม่คานที่ร้านกาแฟปากซอยพลางคิดอยู่ในใจว่า "เราอุตส่าห์แบกสามีไปส่งจนถึงบ้านด้วยความหวังดี แม้แต่คำว่า "ขอบใจ" คำเดียวก็ไม่ได้รับ ตรงกันข้ามกลับถูกด่าถูกตีจนเจ็บตัวทำดีไม่ได้ดีหนอ?"  ตั้งแต่นั้นมาตาก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครโดยไม่จำเป็น ตาเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดี แน่ ๆ แต่ต่อมาภายหลังตาได้เล่าเรื่องนี้ให้พระองค์หนึ่งฟังท่านสอนตาว่า  ทำดีต้องได้ดีแน่ ๆ ความดีใด ๆ ที่เราทำแล้วจะอยู่ที่ตัวเราเองลาภยศสรรเสริญเป็นแต่เพียงผลพลอยได้จากหวังดี ไม่ใช่ตัวความดี บางทีเราอาจจะได้ แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้ แต่ตัวความดีนั้นเราได้แน่ ๆ
ฉะนั้น จงทำความดีเพราะรักในความดี อย่าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ถ้าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ความดีที่เราทำจะไม่ใช่ความดีแท้ เปรียบเหมื่อนการให้ทานแก่คนอื่น ถ้าเราให้โดยหวังสิ่งหนึ่งตอบแทนการให้นั้นไม่จัดเป็นทานแต่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไรไป
เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้ ตาก็กลับทำความดีอีก คราวนี้ทำเพื่อความดีจริง ๆ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ บางครั้งตาก็ต้องเสียผลประโยชน์เพราะการทำความดี บางครั่งก็ถูกคนติฉินนินทาด่าว่าบางครั้งก็ประสบความลำบาก แต่ตาก็ยังทำความดีต่อมาจนกระทั่งบัดนี้

15 มีนาคม 2555

ความยุติธรรม

ความยุติธรรม
          ความยุติธรรม คำคำนี้ เมื่อเราแยกจากหมวดหมู่ของคำ ก็จะรู้ว่า คำว่าความยุติธรรมนั้น เป็นนามธรรม(abstract noun) คือไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ ตามหลักวิทยาศาสตร์เมื่อความยุติธรรมนั้นจับต้องไม่ได้ย่อมไม่มีอยู่จริงเหมือนก้อนหิน ดิน ทราย ฯลฯ แต่ความมีอยู่จริงของความยุติธรรม มีเพราะเป็นเครื่องมือของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น เงื่อนไขไปสู่ข้อยุติของปัญหานั้นๆ ความยุติธรรมสัมผัสได้ แต่สัมผัสได้ด้วยใจ(mind)เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนเพราะว่าจิตใจ (mental) ของคนเราไม่เหมือนกัน
          ที่กล่าวถึงเรื่องนี้ เพราะวันนี้มีเพื่อร่วมงานคนหนึ่งพูดถึงเรื่องนี้ เกี่ยวกับความยุติธรรมในการเลื่อนขั้นเงินเดือน โดยอ้างอิงเอาความดีของตนเองเป็นเหตุอธิบายความไม่ยุติธรรมนั้น จึงมีคำถามมากมายตามมาหลังจากนั้น เช่น
1. ความดี คืออะไร
2. ใครเป็นผู้ตัดสินว่าดี หรือ ไม่ดี
3. การจะเปรียบเทียบว่าความดีของใครมากกว่าใคร ใช้มาตรวัดอะไร
4. คนที่บอกว่าตนเองดีกว่าคนอื่น เป็นคนดีแท้หรือไม่
          ประเด็นของความดีในที่นี้ คือการมีผลงานดีเด่น ผลงานเกินกว่าหน้าที่ โดยพยายามเปรียบเทียบว่าของใครดีกว่ากัน โดยลืมไปว่า สิ่งที่ปรุงแต่งให้เกิดความยุติธรรม นั่นคือคุณธรรม ไม่ใช่กิเลส