วันนี้อยากเขียนเรื่องความดี อันที่จริงอยากอธิบายให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเกี่ยวกับการอ้างอิง ร้องหาความยุติธรรม โดยใช้ความดีของตนเองอ้างอิงเพื่อบอกว่า การเลื่อนขั้นเงินเดือน ไม่ยุติธรรมกับเขา แต่มันเขียนยากมาก ก็เลยต้องพึงพระ โดยขอยกเอาิคำกลอน และนิทานที่พระท่านแต่งไว้ มาเขียนเอาไว้
อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ
ทำดีเพื่อความดี
พระพิจิตรธรรมพาที
นานมาแล้ว
เมื่อตายังหนุ่มแน่นแข็งแรงและเป็นโสด ตาได้เที่ยวซอกแซก
ไปตามตรอกเล็กซอยน้อยในพระนครจนทั่ว คืนวันหนึ่ง ขณะที่ตากำลังเดินอยู่ในตรอกแคบ ๆ
แห่งหนึ่ง แถวรองเมือง เท้าของตาได้สะดุดเข้ากับสิ่งนั้นมีลักษณะนิ่ม ๆ
คล้ายเนื้อหนังมนุษย์ ด้วยความสงสัยใคร่จะรู้ความจริง
ตาจึงก้มลงพิจารณาอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็ทราบความจริงว่า สิ่งนั้น
คือชายคนหนึ่งกำลังนอนสลบไสลคลุกฝุ่นอยู่กลางถนนในซอย เพราะความมึนเมา
กิ่นสุราฟุ้งตลบไปหมด ตาหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรดี
ถ้าจะเดินเลยไปเสียก็คงได้อย่างสบาย แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า
"ถ้าปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นั่นเขาอาจจะถูกคนอื่นเดินมาเตะถีบหรือชนเอา
เพราะมองไม่เห็น เขาอาจได้รับอันตราย
บางทีสัตว์ร้ายเช่นงูหรือตะขาบมันอาจจะมากันมาต่อยเอาก็ได้ ยิ่งกว่านั้น
ภรรยาและบุตรของเขาที่อยู่ทางบ้านอาจจะกำลังตั้งตาคอย คิดไปคิดมาความเมตตากรุณาก็เป็นฝ่ายชนะ
ตาก้มลงอุ้มชายขี้เมาคนนั้นขึ้นแบกบนบ่า แล้วก็เดินไปยังห้องแถวใกล้ ๆ
ที่มีไฟสว่างวอมแวมออกมา ตาโผล่หน้าเข้าไปที่ประตูแล้ว ถามเจ้าของบ้านว่า
รู้จักชายคนนี้หรือเปล่า
เจ้าของบ้านหัวเราะแล้วบอกว่าชายคนนั้นคือตาแฉ่งจนทราบแน่นอนแล้ว ก็แบกเขาเดินต่อไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง
หลังจากเดินล้มลุกคลุกคลานมาเป็เวลาเกือบ ๑๕
นาทีตามาถึงห้องแถวที่เป็นบ้านของตาแฉ่ง
ตาวางเขาลงนอนไว้ที่พื้นซีเมนต์หน้าห้องแถวแล้วก็เอามีอเคาะที่ประตู
เมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงอายุกลางคน ๆ หนึ่งก็เปิดประตูผลั๊วะออกมา
นางจ้องดูหน้าของตาแล้วก็ก้มลงนอนตาแฉ่งซึ่งนอนคุดคู้แทบเท้าด้วย
สายตาแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
ขณะที่ตากำลังจะเอ่ยปากรายงานเรื่องราวให้นางทราบนั่นเองนางก็เองนางก็เอามือชี้หน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า
"นี่เองคือคนที่พาผัวของข้าไปกินเหล้าเมาหยำเปทุกวัน ข้าจับได้แล้ว"
ก่อนที่ตาจะได้อธิบายความจริงให้นางฟัง หญิงคนนั้นก็คว้าไม้คานที่วางอยู่ข้าง ๆ
ฝามาประเคนลงไปบนศีรษะของตาอย่างแรงดีแต่ว่าตายกมือทั้งสองขั้นรับไว้ทัน
ศีรษะจึงไม่แตกเลือดไหลโทรม ขณะที่นางเงื้อไม้คานขึ้นจะกระหน่ำตีตาอีกเป็นครั้งที่สอง
ตาก็ถอยหลังออกไปพ้นรัศมีไม้คานเสียก่อน หญิงผู้ใจร้ายเงื้อไม้คานเผ่นตามจะตีตาอีก
ตาจึงจำเป็นต้องวิ่งหนีเพื่อความปลอดภัย
ได้ยินแต่เสียงด่าแช่งชักหักกระดูกตามมาข้างหลัง
ตาออกมานั่งลูบแขนที่บวมโนเพราะฤทธิ์ไม่คานที่ร้านกาแฟปากซอยพลางคิดอยู่ในใจว่า
"เราอุตส่าห์แบกสามีไปส่งจนถึงบ้านด้วยความหวังดี แม้แต่คำว่า
"ขอบใจ" คำเดียวก็ไม่ได้รับ
ตรงกันข้ามกลับถูกด่าถูกตีจนเจ็บตัวทำดีไม่ได้ดีหนอ?"
ตั้งแต่นั้นมาตาก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครโดยไม่จำเป็น ตาเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดี
แน่ ๆ แต่ต่อมาภายหลังตาได้เล่าเรื่องนี้ให้พระองค์หนึ่งฟังท่านสอนตาว่า ทำดีต้องได้ดีแน่ ๆ ความดีใด ๆ
ที่เราทำแล้วจะอยู่ที่ตัวเราเองลาภยศสรรเสริญเป็นแต่เพียงผลพลอยได้จากหวังดี
ไม่ใช่ตัวความดี บางทีเราอาจจะได้ แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้
แต่ตัวความดีนั้นเราได้แน่ ๆ
ฉะนั้น
จงทำความดีเพราะรักในความดี อย่าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน
ถ้าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ความดีที่เราทำจะไม่ใช่ความดีแท้
เปรียบเหมื่อนการให้ทานแก่คนอื่น
ถ้าเราให้โดยหวังสิ่งหนึ่งตอบแทนการให้นั้นไม่จัดเป็นทานแต่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไรไป
เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้
ตาก็กลับทำความดีอีก คราวนี้ทำเพื่อความดีจริง ๆ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ
บางครั้งตาก็ต้องเสียผลประโยชน์เพราะการทำความดี
บางครั่งก็ถูกคนติฉินนินทาด่าว่าบางครั้งก็ประสบความลำบาก
แต่ตาก็ยังทำความดีต่อมาจนกระทั่งบัดนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น