2 สิงหาคม 2567

ผู้นำที่มีประสิทธิผล

ลักษณะ 10 ประการของผู้นำที่มีประสิทธิผล
          ได้มีการศึกษาในหมู่นักจิตวิทยาว่าลักษณะของ ผู้นำ มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้หรือไม่ หรือว่าถูกสร้างขึ้นมาจากสภาพแวดล้อม สติปัญญาและบุคลิกภาพ จากงานวิจัยระบุว่า สติปัญญาของบุคคลนั้นสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ประมาณ 55-60% ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าเราอาจเกิดมาพร้อมกับศักยภาพทางสติปัญญา แต่สภาพแวดล้อมที่เราเติบโตขึ้นมาต่างหากที่จะกำหนดว่าศักยภาพดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ส่วนบุคลิกภาพ อารมณ์และลักษณะนิสัย ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ได้ประมาณ 50-55% ดังนั้น เราพอจะคาดเดาได้ว่า บุคคลนั้นเกิดมาเป็นผู้นำหรือไม่ เราสามารถสรุปได้ว่าบุคคลทุกคนตั้งแต่เกิดอาจมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำได้ แต่การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมศักยภาพของบุคคลในการเป็นผู้นำนั้นก็ยังมีความสำคัญ ศักยภาพดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและประสบการณ์ ดังนั้น ผู้นำจึงเกิดขึ้นได้จากปัจจัยที่จำเป็นสองประการ ได้แก่ ลักษณะเฉพาะของบุคคล และการให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการเป็นผู้นำ
          จากรายงานวิจัยได้สรุปลักษณะความเป็นผู้นำหลัก 10 ประการที่บุคคลควรมี หรือพยายามพัฒนา ประกอบด้วย
          1.Intelligence: ความฉลาด หมายถึงความสามารถในการเข้าใจ การให้เหตุผล การเข้าใจข้อเท็จจริงและรูปแบบความสัมพันธ์ของข้อเท็จจริงเหล่านั้น มีผลงานวิจัยที่สรุปว่า ผู้นำมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมกว่าผู้ที่ไม่ใช่ผู้นำ แต่ก็มีงานวิจัยที่บ่งบอกว่า ความฉลาด เป็นอุปสรรคต่อประสิทธิผลของความเป็นผู้นำ เช่นกัน ดังนั้น ผู้นำจึงควรสามารถสื่อสารแนวคิดที่ซับซ้อนให้สมาชิกในทีมสามารถเข้าใจได้
          2.Self-confidence: ความมั่นใจในตนเอง ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเชื่อมั่นในความคิด และทักษะการตัดสินใจ ความมั่นใจในตนเองแสดงถึงความสามารถในการบรรลุเป้าหมาย และความเป็นไปได้ ผู้นำที่มีความมั่นใจในตนเองจะมีทัศนคติเชิงบวก มีทักษะที่จำเป็นในการเอาชนะความท้าทาย มีความเชื่อมั่นในพลังและความสามารถ ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิผล สามารถสงบสติอารมณ์ภายใต้แรงกดดัน และเปิดรับคำติชมที่สร้างสรรค์จากบุคคลอื่นได้
          3. Determination: มีปณิธานมุ่งมั่น ผู้นำที่มีประสิทธิภาพคือผู้ที่มุ่งมั่นและมุ่งมั่นในการตัดสินใจ พวกเขามักจะอดทนเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค และมีความพากเพียรเพียงพอที่จะทำงานจนสำเร็จ ผู้นำมักมีพลัง ความอดทน ความมุ่งมั่น สร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและมุ่งเป้าหมายความสำเร็จ
          4. Personal Integrity:ความซื่อสัตย์สุจริต ความซื่อสัตย์ถือเป็นคุณลักษณะของผู้นำ ที่เป็นที่ต้องการของสมาชิก จะทำให้สมาชิกในทีมปฏิบัติตามคำสั่งและแนวทางของผู้นำกำหนด ผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม จะสร้างความชื่นชม และความภักดีจากสมาชิกในทีม
          5. Empathy: ความเห็นอกเห็นใจ การรักษาความสามัคคีและทำงานร่วมกันของสมาชิกในทีม ผู้นำต้องจำเป็นมีความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ของกลุ่ม เข้าใจแรงจูงใจ ความรู้สึก และค่านิยมของสมาชิกในทีม ผู้นำที่สำรวจตนเอง จะสามารถเข้าใจพฤติกรรมของตนเองและผลกระทบที่มีต่อสมาชิกในทีมได้ดีกว่า ผู้นำที่มีทักษะการสื่อสารและโน้มน้าวใจที่ดีจะประสบความสำเร็จในบทบาทหน้าที่ของตนได้ดีกว่า นอกจากนี้ ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของผู้นำ จะช่วยให้เกิดความร่วมมือ และการสนับสนุนเพื่อการบรรลุเป้าหมาย ทำให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วม และทำงานสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร
          6. Creativity and Analytical ability: ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการวิเคราะห์ ผู้นำต้องมีความเข้าใจการดำเนินงานขององค์กร และทิศทางที่องค์กรกำลังมุ่งหน้าไป ผู้นำต้องมีความสามารถในการคาดการณ์อนาคตขององค์กรโดยอ้างอิงจากแนวโน้มในปัจจุบัน มีการวางแผนเชิงวิเคราะห์และเชิงกลยุทธ์ เพื่อรักษาองค์กรไว้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การใช้สัญชาตญาณร่วมกับการใช้เหตุผลอย่างมีสติช่วยให้มั่นใจได้ว่าปัญหาในระดับองค์กรจะได้รับการจัดการในบริบทของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
          7. Diagnosticians: นักวินิจฉัย ความสามารถพิเศษที่สุดที่ผู้นำควรมี คือความสามารถในการเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแและปรับใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองความต้องการ ผู้นำที่สามารถประเมินความต้องการทางสังคมและสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ สามารถเข้าใจความต้องการของสมาชิก และเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ตอบสนองความต้องการของสมาชิกและเป้าหมายขององค์กรได้
          8. Flexibility: ความยืดหยุ่น การทำงานในองค์กร ผู้นำจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนในสถานการณ์ที่กดดัน โดยทั่วไปผู้คนมักจะตอบสนองต่อสถานการณ์ในลักษณะที่เหมือนกันในลักษณะเดิม และคิดว่าดีที่สุด แต่ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะมีรูปแบบพฤติกรรมการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กว้างและยืดหยุ่น ผู้นำที่สามารถปรับตัว มีความยืดหยุ่น และเปิดกว้าง จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
          9. Consistency: ความสม่ำเสมอ การสื่อสารขอผู้นำต่อองค์กรต้องมีความชัดเจนต่อเนื่อง การแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเสนอแนวคิด ความตั้งใจ และวิสัยทัศน์ควรทำด้วยความชัดเจนและถูกค้อง การสื่อสารด้วยวาจาและไม่ใช่วาจาควรสอดคล้องกัน สมาชิกในทีมจะได้ไม่ต้องสรุปเอาว่าการกระทำ ความคิด และพฤติกรรมของผู้นำมีความหมายอย่างไร แต่ถ้าพฤติกรรมของผู้นำเป็นการเสแสร้ง สมาชิกอาจสูญเสียแรงจูงใจ และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานอาจลดลง
          10. Charisma: ความมีเสน่ห์ เสน่ห์ของผู้นำเป็นแรงบันดาลใจให้สมาชิกในทีมมองว่าผู้นำเป็นแบบอย่าง ผู้นำต้องแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยสร้างกำลังใจและความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก ผู้นำที่มีเสน่ห์จะช่วยกระตุ้นให้สมาชิกบรรลุภารกิจและเป้าหมายขององค์กร มองข้ามความขัดแย้งภายในและให้ความสำคัญกับงานสร้างสรรค์

          ถอดความจาก:
          Signs You are Born to be a Leader, According to Psychology. https://www.psychologs.com/signs-you-are-a-leader-according-to-psychology/
Jsrisuwan

1 สิงหาคม 2567

VOPA+ Model โมเดลแห่งการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

VOPA+ Model โมเดลแห่งการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
               ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ จะต้องเผชิญกับความท้าทายเร่งด่วน นั่นก็คือจะเติบโตเป็นผู้นำด้านดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิผลได้อย่างไร ความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลต้องการมากกว่าความรู้ด้านดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังต้องมีความคล่องแคล่วและยืดหยุ่นในโลกดิจิทัล และมีทักษะทางเทคนิคและทักษะทางสังคมที่ปรับแต่งมาอย่างดีอีกด้วย เนื่องจากบทบาทความเป็นผู้นำมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญ จึงมีความสำคัญที่ผู้นำจะต้องเข้าใจทักษะเหล่านี้และพัฒนาทักษะเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อความสำเร็จในอนาคต
               VOPA+ สร้างขึ้นโดย Dr.Willms Buhse นักเศรษฐศาสตร์ ชาวเยอรมัน เมื่อปี 2014 Model นี้ จะช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ดีขึ้น VOPA+ ประกอบด้วยคำย่อต่าง ๆ ได้แก่ การสร้างเครือข่าย (Networking) ในภาษาเยอรมันคือคำว่า "Vernetzung", การเปิดกว้าง (Openness), การมีส่วนร่วม (Participation) และความคล่องตัว (Agility) พฤติกรรมความเป็นผู้นำนั้นต้องอาศัยความสัมพันธ์พื้นฐานของความไว้วางใจระหว่างผู้นำกับทีมงาน ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างไปจากรูปแบบการบริหารจัดการแบบดั้งเดิม และจะสามารถช่วยให้ผู้นำก้าวไปเป็นผู้นำทางดิจิทัลได้ โดยลดบทบาทที่เข้มงวดในการจัดการ มีความยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
               1. ระบบเครือข่าย (Networking หรือ“Vernetzung” ในภาษาเยอรมัน) มีการสร้างเครือข่ายในทุกระดับ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน โดยใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ทีมงานสามารถถ่ายโอนความรู้และทำงานร่วมกันข้ามขอบเขตพื้นที่ ลำดับชั้น ภายในองค์กรและชุมชนเสมือนจริง
               2. การเปิดกว้าง (Openness) ): เปิดรับแนวคิดทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ผู้นำควรมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับการพัฒนาใหม่และส่งเสริมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ให้ทีมงานมีความเป็นอิสระในการทำงาน สร้างโอกาสและกรอบการทำงานที่สามารถแบ่งปันข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ
               3. การมีส่วนร่วม (Participation) การให้ทีมงานมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจจะช่วยให้องค์กรได้ความรู้ความสามารถของพนักงานมาใช้อย่างเต็มศักยภาพ จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบต่องาน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ผู้นำด้านดิจิทัลจึงควรสนับสนุนให้ทีมงานมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจและแบ่งปันความคิดเห็นของตน
               4. ความคล่องตัว (Agility) ความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างยืดหยุ่นและตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง วิธีการทำงานที่คล่องตัวและความสามารถในการปรับตัว ทำให้สามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอดเวลา และเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในโลกดิจิทัล
               5. เครื่องหมาย + คือ ความไว้วางใจ (Trust) ความไว้วางใจทั้งผู้นำและทีมงานเป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หากผู้นำไว้วางใจให้ทีมงานได้ทำงานโดยอิสระตามความสามารถและความคิดสร้างสรรค์แล้ว จึงจะทำให้ VOPA+ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติได้

เอกสารอ้างอิง
- VOPA+ – a utopia of effective management? https://insights.tt-s.com/en/vopa-a-utopia-of-effective-management
- DIGITAL LEADERSHIP – WHY IT MATTERS. https://www.tivian.com/us/digital-leadership/
- The concept of integral leadership. https://t2informatik.de/en/blog/the-concept-of-integral-leadership/

28 กรกฎาคม 2567

ภาวะผู้นำด้านดิจิทัล

ภาวะผู้นำด้านดิจิทัล
               ในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการสื่อสารของเรา ส่งผลให้เกิดทีมเสมือนจริง และการทำงานร่วมกันจากระยะไกลมากขึ้น ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ ปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยีและทีมเสมือนจริง การเปลี่ยนไปของความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล และกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำและจัดการทีมเสมือนจริงให้ประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
               1. การนำเทคโนโลยีมาใช้ ความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลต้องมีความเต็มใจที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่เครื่องมือการจัดการโครงการ และแพลตฟอร์มการสื่อสารไปจนถึงซอฟต์แวร์การประชุมเสมือนจริง และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ มีเครื่องมือดิจิทัลมากมายให้เลือกใช้เพื่อรองรับการทำงานระยะไกลและการทำงานร่วมกันเป็นทีมเสมือนจริง การนำเทคโนโลยีมาใช้และจัดหาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับพนักงาน และผู้นำสามารถส่งเสริมให้ทีมงานของตนประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดิจิทัลได้
               2. การปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ  การสร้างความไว้วางใจถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในทีมเสมือนจริง ซึ่งการโต้ตอบแบบพบหน้ากันมีข้อจำกัด และสมาชิกในทีมอาจกระจัดกระจายกันทางภูมิศาสตร์ ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับความโปร่งใส การสื่อสารที่เปิดกว้าง และความรับผิดชอบ เพื่อส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างสมาชิกในทีม การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ การประชุมทีมเสมือนจริง และความคาดหวังที่ชัดเจน ช่วยสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงและความเป็นส่วนหนึ่ง แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงก็ตาม การปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจจะช่วยให้ผู้นำสามารถเสริมอำนาจให้ทีมของตนทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลและบรรลุเป้าหมายได้
               3. อำนวยความสะดวกในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ  การสื่อสารเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในทีมเสมือนจริง ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่ชัดเจน กระชับ และทันท่วงที เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมได้รับข้อมูล มีส่วนร่วม และสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร นอกเหนือจากการประชุมทีมเป็นประจำและการเช็คอินแบบตัวต่อตัวแล้ว ผู้นำยังสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น อีเมล การส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที และการประชุมทางวิดีโอ เพื่อช่วยให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันมีประสิทธิผล การฟังอย่างตั้งใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการตอบสนองยังเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำในการส่งเสริมการสื่อสารที่มีความหมายและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับทีมของตน
               4. การใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ความเป็นผู้นำแบบเสมือนจริง การเป็นผู้นำทีมเสมือนจริงต้องใช้แนวทางที่แตกต่างไปจากการเป็นผู้นำแบบเดิมในสถานที่ที่ทำงานร่วมกัน ผู้นำเสมือนจริงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบความเป็นผู้นำเพื่อรองรับความท้าทายและพลวัตเฉพาะตัวของการทำงานทางไกล ซึ่งอาจรวมถึงการส่งเสริมความเป็นอิสระและการเสริมพลัง การกำหนดเป้าหมายและความคาดหวังที่ชัดเจน และการให้การฝึกอบรมและการสนับสนุนทางไกล ผู้นำเสมือนจริงควรมีความเชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน ติดตามความคืบหน้า และให้ข้อเสนอแนะในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง
               5. การส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน  ในยุคดิจิทัล ขอบเขตระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานอาจไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลและทีมงานเสมือนจริง ผู้นำมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานและป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมเกิดภาวะหมดไฟ การสนับสนุนตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น การกำหนดความคาดหวังที่สมจริงสำหรับปริมาณงานและกำหนดเวลา และการส่งเสริมการดูแลตนเองและการส่งเสริมสุขภาพที่ดี ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานในทีมงานเสมือนจริง การให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นอันดับแรก ผู้นำสามารถส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีสุขภาพดีและมีประสิทธิผลมากขึ้นสำหรับทีมของตนได้
               6. การส่งเสริมความหลากหลายและการรวมกลุ่ม  ทีมเสมือนจริงมีศักยภาพในการนำบุคคลจากภูมิหลัง วัฒนธรรม และมุมมองที่หลากหลายมารวมกัน ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการรวมกลุ่มในทีมเสมือนจริงเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพทั้งหมดของกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถและส่งเสริมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ การสร้างโอกาสให้เสียงที่หลากหลายได้รับการได้ยิน การส่งเสริมแนวทางการสื่อสารแบบรวมกลุ่ม และการแก้ไขอคติที่ไม่รู้ตัวเป็นขั้นตอนสำคัญในการส่งเสริมความหลากหลายและการรวมกลุ่มในทีมเสมือนจริง ผู้นำสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งพร้อมรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัลได้ดีขึ้น โดยการยอมรับความหลากหลายและการรวมกลุ่ม
                ความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลต้องใช้แนวทางเชิงรุกในการนำทางเทคโนโลยีและทีมงานเสมือนจริง ผู้นำสามารถรับมือกับความซับซ้อนของการเป็นผู้นำในโลกดิจิทัลได้โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ ปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ อำนวยความสะดวกในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การใช้กลยุทธ์ความเป็นผู้นำในโลกเสมือนจริง การส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน และการส่งเสริมความหลากหลายและการรวมกลุ่ม ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ ยังคงนำการทำงานจากระยะไกลและการทำงานร่วมกันในโลกเสมือนจริงมาใช้ ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม การมีส่วนร่วม และความสำเร็จในยุคดิจิทัล

ถอดความจาก
- Navigating Technology and Virtual Teams. https://alinahabba.medium.com/leadership-in-the-digital-age-navigating-technology-and-virtual-teams-e989cc01b713

27 กรกฎาคม 2567

คุณกล้าพอไหมที่จะเป็น วัวสีม่วง (Purple Cow) ในวงการศึกษา

          เมื่อเราเห็นวัว 1 ฝูงเดินมา เราก็จะมองเห็นเป็นลักษณะวัวทั่วไป และไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่หากบังเอิญเราเหลือบไปเห็นว่ามีวัวตัวหนึ่ง มีสีม่วง เราจะให้ความสนใจกับวัวตัวนี้เป็นพิเศษ พร้อมกับมีคำถามในใจมากมายว่าทำไมวัวจึงมีสีม่วง วัวสีม่วง เป็นวัวที่มีความผิดแผกแตกต่างจากธรรมชาติของวัวทั่วไป บังเอิญว่าทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีของฝรั่ง จึงได้ให้ วัวสีม่วง เป็นวัวที่มีความแตกต่างจากตัวทั่วไป แต่ถ้าเป็นคนไทย เราคงจะพูดเรื่องแกะดำแกะขาวกันเป็นว่าเล่น วัวสีม่วง เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด ที่ดึงดูดความสนใจของลูกค้า ให้สนใจในสินค้าของตนเอง

           Seth Godin ได้สร้างทฤษฎี Purple Cow Theory จากการที่เขา และครอบครัวของเขาออกเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ผ่านประเทศฝรั่งเศส ขณะขับรถผ่านชนบท พวกเขาดีใจมากที่ได้เห็นทุ่งที่เต็มไปด้วยวัว พวกเขาไม่เคยเห็นวัวมาก่อน ดังนั้นการได้เห็นฝูงวัวทั้งฝูงจึงถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตาม ความแปลกใหม่ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว วัวทุกตัวมีลักษณะเหมือนกันหมด และไม่นานนัก วัวสีน้ำตาลธรรมดาเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาและน่าเบื่อ เขาคิดต่อไปว่า ถ้าพวกมันเป็นวัวสีม่วงนั่นคงเป็นเรื่องที่น่าทึ่
           Blendtec เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ได้ทำการตลาดเครื่องปั่นน้ำผลไม้ของตนผ่านซีรีส์วิดีโอ “Will it Blend?” บน YouTube เครื่องปั่นอาจไม่น่าตื่นเต้น แต่จะน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเขาเริ่มใช้มันเพื่อปั่นวัตถุต่าง ๆ รวมถึง iPhone และ iPad ด้วย และนั่นทำให้เครื่องปั่นของเขาได้รับความสนใจขึ้นมาในทันที
           กลยุทธ์วัวสีม่วงในโรงเรียนหมายถึงการระบุหรือพัฒนาภายในโรงเรียนที่ทำให้แตกต่างจากโรงเรียนอื่น การทำตามโรงเรียนอื่น ก็เหมือนกับเราเป็นวัวสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเขา โรงเรียนทุกโรงเรียนมีความแตกต่าง และความโดดเด่นเป็นลักษณะของตนเอง ผู้บริหารจะมีความสามารถที่จะระบุวัวสีม่วงของตนเองได้เพียงใดต่างหาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เพียงแต่สนองตอบต่อความต้องการของผู้รับบริการได้ก็พอ เมื่อสามารถระบุวัวสีม่วงได้แล้ว โดยระบุให้ชัดเจนลงไปว่าจะสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้อย่างไร พัฒนาให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และหากสามารถพัฒนาได้ จนมีการรับรองด้วยรางวัล หรือการการันตีอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นจากชุมชน Godin แนะนำว่าคุณควร"รีดนมวัวให้คุ้มค่าที่สุด และสร้างสภาพแวดล้อมที่คุณน่าจะสร้างวัวสีม่วงตัวใหม่ได้ทันเวลาเพื่อมาแทนที่ตัวแรกของเรา" นั่นแปลว่า วัวสีม่วงตัวเดิม จะไม่ได้คงอยู่ตลอดไป อยู่ไปสักพักสีก็จะจางลงเป็นสีน้ำตาลดังเดิม ดังนั้นจึงต้องหาวัวสีม่วงตัวใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ
           กลยุทธ์วัวสีม่วงในโรงเรียนหมายถึงการระบุหรือพัฒนาภายในโรงเรียนที่ทำให้แตกต่างจากโรงเรียนอื่น การทำตามโรงเรียนอื่น ก็เหมือนกับเราเป็นวัวสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเขา โรงเรียนทุกโรงเรียนมีความแตกต่าง และความโดดเด่นเป็นลักษณะของตนเอง ผู้บริหารจะมีความสามารถที่จะระบุวัวสีม่วงของตนเองได้เพียงใดต่างหาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เพียงแต่สนองตอบต่อความต้องการของผู้รับบริการได้ก็พอ เมื่อสามารถระบุวัวสีม่วงได้แล้ว โดยระบุให้ชัดเจนลงไปว่าจะสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้อย่างไร พัฒนาให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และหากสามารถพัฒนาได้ จนมีการรับรองด้วยรางวัล หรือการการันตีอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นจากชุมชน Godin แนะนำว่าคุณควร"รีดนมวัวให้คุ้มค่าที่สุด และสร้างสภาพแวดล้อมที่คุณน่าจะสร้างวัวสีม่วงตัวใหม่ได้ทันเวลาเพื่อมาแทนที่ตัวแรกของเรา" นั่นแปลว่า วัวสีม่วงตัวเดิม จะไม่ได้คงอยู่ตลอดไป อยู่ไปสักพักสีก็จะจางลงเป็นสีน้ำตาลดังเดิม ดังนั้นจึงต้องหาวัวสีม่วงตัวใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ
           วิธีสร้างวัวสีม่วง ไม่มีสูตรสำเร็จที่แน่นอน แต่มีหลักการบางประการดังต่อไปนี้
           1. กล้าที่จะแตกต่างอย่าเป็นเพียงผู้ลอกเลียนแบบอีกต่อไป
           2. น่าสนใจ ทำให้ผู้คนหยุดและสังเกต
           3. เสนอคุณค่าที่แท้จริง แก้ไขปัญหาหรือตอบสนองความต้องการ
           4. ทำให้มันน่าจดจำอย่าให้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาพปัจจุบัน
           5. มุ่งสู่ความโดดเด่น ผลักดันให้มากกว่าดีพอ

บทความที่แนะนำให้อ่าน
Book Report: Seth Godin's Purple Cow. Takeaways for school leaders from the bestselling book on marketing จาก https://www.schoolceo.com/a/purple-c

10 มิถุนายน 2567

ผู้ที่ไม่ควรเป็นผู้นำ

 

          การคัดเลือกสรรหาผู้ที่จะมาเป็นผู้บริหารหน่วยงานใดๆก็ตาม ในบางครั้งเราจำเป็นจะต้องคัดเลือกให้ได้ผู้ที่มีลักษณะเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรด้วย แต่จะมีคนบางจำพวก ที่ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใด ก็ล้วนแต่ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้บริหารหรือผู้นำขององค์กรเลยแม้แต่น้อย คุณจำพวกนี้ อย่างเช่น 

       1.โง่แต่อวดฉลาด คนพวกนี้มักจะอวดรู้ไปทุกเรื่องแต่รู้ไม่จริงสักเรื่องเดียว เกิดอาการหลงว่าตัวเองเก่ง ตามทฤษฎีทางจิตวิทยา Dunning Kruker effect คนพวกนี้มักชมตัวเองให้คนอื่นฟังอยู่เสมอๆว่าตัวเองเก่งอย่างไรบ้าง รู้ไปหมดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของตัวเอง คนพวกนี้หากเป็นผู้นำขององค์กรใด ก็รังแต่จะทำให้องค์กรนั้นเสื่อมโทรมลงทุกวัน 

       2. บ้าอำนาจ คนพวกนี้มักทำตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไม่สนหน้าอินหน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น ทุกคนในองค์กรต้องสยบยอม อยู่ใต้อำนาจของตัวเองเท่านั้น ตัวเองคือระเบียบกฎหมายและความถูกต้องทั้งหมดขององค์กร องค์กรใดมีคนอย่างนี้เป็นผู้นำ คนในองค์กร ก็ขาดขวัญกำลังใจ ทำงานไปวันๆ จะทำอะไรแต่ละอย่างต้องคอยสอบถาม ไม่สามารถที่จะตัดสินใจทำอะไรได้เอง เนื่องจากว่าผู้นำไม่ยอมให้ใครเหนือกว่าหรือมีความเห็นที่แปลกแตกต่างไปจากตน 

       3. เสือหิว คนพวกนี้เห็นเงินตาเป็นมัน จ้องแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง คนพวกนี้เหมือนเข้ามาทำลายองค์กร ตรงไหนที่จะเป็นผลประโยชน์ ก็จะแสวงหาเข้าตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ มักมองข้ามกฎเกณฑ์กติกาต่างๆที่องค์กรกำหนดเอาไว้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทุกหน่วยงานทุกองค์กร และที่สำคัญอาจทำให้คนในองค์กรได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงินการพัสดุ หรือผลประโยชน์รายรับรายจ่ายต่างๆขององค์กร 

       4. ไม่กล้าตัดสินใจ คนพวกนี้แม้ว่าจะมีการศึกษามีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำอย่างครบถ้วน แต่กลับขาดภาวะผู้นำ ไม่กล้าตัดสินใจ บริหารงานไม่เด็ดขาด กล้าๆกลัวๆ เป็นแบบอย่างให้กับบุคคลในองค์กรไม่ได้ การทำงานกับผู้บริหารหรือผู้นำลักษณะเช่นนี้ จะเป็นไปอย่างล่าช้า กว่าจะได้แต่ละอย่างแต่ละงาน ก็จะเสียเวลากับการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า 

       5. เจ้าอารมณ์ คนพวกนี้ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ใช้อารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ใช้อารมณ์นำเหตุผล แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ด่าว่าเพื่อนร่วมงานอย่างรุนแรง โต้ตอบกับเพื่อนร่วมงานด้วยคำพูดหยาบคาย แดงกริยาที่ไม่เหมาะสมต่างๆเช่น การเตะโต๊ะเตะเก้าอี้ ขว้างปาเอกสาร องค์กรใดมีผู้นำอย่างนี้ บุคคลในองค์กรมักจะขอลาออก เปลี่ยนหรือย้ายงานกันอยู่บ่อยๆ 

       6. เลือกที่รักมักที่ชัง คนพวกนี้มักเล่นพรรคเล่นพวก ลำเอียง เข้าข้างคนสนิท ไม่มีมาตรฐานในการทำงาน แยกแยะเรื่องส่วนตัว เรื่องขององค์กร ออกจากกันไม่ได้ การบริหารของคนพวกนี้ มักจะมีลูกน้องที่คอยประจบประแจงแล้วได้ดี ส่วนบุคลากรอื่นๆก็จะมีความอิดหนาระอาใจ ทำงานไปวันๆ ทำให้คนในองค์กร แตกแยกเป็นฝักฝ่าย 

       7. เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น องค์กรใดได้หัวหน้าลักษณะเช่นนี้ บุคลากรในองค์กรนั้น จะอยู่กันอย่างลำบาก เพราะเมื่อมีผลงานต่างๆขึ้นมา ผลงานเหล่านั้นก็จะตกเป็นของหัวหน้าทั้งสิ้น แต่เมื่อเกิดความผิดพลาด สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะตกกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน ลักษณะอย่างนี้จะทำให้คนในองค์กร ไม่กล้าที่จะทำงานใดๆ ในทางที่จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าที่จะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่แปลกแตกต่างออกไป เพราะเมื่อพลาดขึ้นมาก็จะกลายเป็นผลร้ายกับตัวเอง 

       8. โลกทัศน์แคบ ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและอย่างรวดเร็ว ผู้นำหรือผู้บริหารจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงด้วย การยึดติดกับความสำเร็จและแนวทางเดิมๆ และพยายามจะทำแต่เรื่องเดิมๆ ในขณะที่เวลาเปลี่ยนไปแล้วเทคโนโลยี ก้าวล้ำสมัยไปแล้ว และยังจะหวังความสำเร็จแบบเดิมๆ ก็คงไม่มีคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวที่อยากจะเข้ามาร่วมงานด้วย คนเป็นผู้นำต้องรู้จักยอมรับการเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้รูปแบบและแนวคิดในการบริหารงานให้ดีขึ้น